Waiting for Someone : First love
ฉันคงได้แค่เพียงแอบชอบเธอเท่านั้นแหละ
ผู้เข้าชมรวม
387
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ย้อนไปเมื่อ 12 ปีก่อนที่ผมยังเป็นแค่เด็กประถมที่เหมือนกับเด็กทั่วไป แต่สิ่งที่ผมต้องพบเจอเป็นบางวันถึงจะไม่บ่อยก็ตาม แต่มันก็สร้างกำแพงที่อยู่ภายในจิตใจขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งวัตถุดิบเหล่านั้นคือการสั่งสมของการกลั่นแกล้งเป็นประจำ มันทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัวถึงแม้ว่าผมจะรู้เป็นอย่างดีก็ตาม แต่มันทำให้ผมเริ่มที่จะหลบสายตาพวกนั้น จนกระทั่งผมเริ่มที่จะเก็บตัวอยู่แต่ภายในบ้านไม่ออกไปเดินเล่น หรือออกมาเล่นข้างนอกเลยแม้แต่น้อย
ผมรู้ดีว่าถ้าเกิดเจอคนพวกนั้น สายตาเหล่านั้นที่จับจ้องมองมายังผมที่ดูเหมือนตัวตลก ใช่! สาเหตุที่ผมไม่สามารถเข้ากับพวกนั้นคือ ' ผมแตกต่าง ความคิดแปลกประหลาด พูดไม่รู้เรื่อง ' เพราะเหตุนั้นผมจึงปลีกตัวออกมาเสียดีกว่า และคอยกีดกั้นความสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพื่อนทิ้งเสีย จากนั้นมาผมก็ไม่สามารถเรียกใครว่าเพื่อนได้อีกเลย
เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ผมเริ่มรู้สึกดีกับการที่ได้อยู่ตัวเดียว มันทำให้มีเวลาคุยกับตัวเองอีกคนนึง แต่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองบ้าเลยสักครั้ง เพราะผมนั้นแตกต่างออกไปจากพวกเด็กธรรมดาที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมคิด สิ่งที่ผมทำ ซึ่งตอนแรกที่ผมพยายามปรับเข้าหาพวกนั้นแล้ว มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นแล้วผมจึงเป็นเป้าหมายในการถูกกลั่นแกล้งทุกครั้งที่ผมออกมาเล่นด้วย
การอยู่คนเดียวผมไม่คิดว่ามันบ้า แต่มันคือการอยู่กับตัวเอง การเข้าใจตัวเอง และการค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการและแล้วเมื่อจิตใตที่ผมเติบโตขึ้นมา ผมก็ค้นพบในสิ่งที่ผมมี นั่นก็คือการจับการโกหกของคนอื่นได้ เพียงแค่ผมได้ยินน้ำเสียงที่พูดออกมา รวมไปถึงแววตาที่เขาจ้องมองมานั้น เพียงแค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าจริงหรือเท็จ แต่ถ้าให้พูดตอบโต้ไปเป็นผมคงไม่ทำมัน เพราะผมเลือกที่จะเดินหนีโดยที่ไม่โต้ตอบบทสนทนาไร้สาระทันที
ดังนั้นนิสัยของผมจะว่าเลวร้ายที่สุดเลยก็ว่าได้ ถ้าพวกนั้นรู้จักตัวตนที่แท้จริงของผม แต่ว่าสิ่งที่พวกนั้นรับรู้กับตัวตนของผมนั้นเป็นแค่ของจอมปลอมเพียงเท่านั้น
แต่ทว่าเมื่อ 4 ปีก่อนผมที่อยากลองเปิดใจแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาสักครั้งหนึ่ง มันเกือบทำให้ชีวิตของผมพัง ชีวิตมอปลายกับหญิงสาวคนหนึ่ง ชื่อของเธอคือ ' เจน ' เธอเป็นหญิงสาวที่น่ารักคนนึงเลยก็ว่าได้ แต่นิสัยของเธอมัน... ผมรู้ดีเลย ทั้งคำพูด น้ำเสียง และการแสดงที่เธอทำอยู่นั้นมันชวนน่าหงุดหงิด เธอพยายามเข้ามาตีสนิทกับผมเพื่อหวังประโยชน์ในวิชาคณิตศาสตร์ เธอสวมหน้ากากเข้าหาผมและบอกว่า ' ชอบนะ เป็นแฟนกันนะ ' แต่ผมก็ไม่คิดอะไรมาก แต่ผมอยากที่จะกระชากหน้ากากอันนั้นออกมา ผมจึงตอบตกลงกับเธอไป แต่การกระทำของผมที่พยายามบอกใบ้ว่าไม่สนใจเธอเลย แต่เธอก็ยังคงดิ้นรนเหมือนกับสัตว์ที่ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้
" ผมล่ะเกลียดพวกชอบหลอกลวงมากที่สุด "
แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปเธอก็เริ่มตีตัวออกห่างไป พร้อมกับเปิดตัวแฟนที่แท้จริงของเธอนั่นก็คือ ' กาฟิวส์ ' เพื่อนร่วมชั้นนั่นเอง แถมตอนนั้นเธอคนนั้นยังมีหน้าควงผู้ชายคนนั้นและมาบอกกับผมว่า
" ขอโทษนะ แต่เค้าคบกับคนนี้แล้วนะ "
ผมนิ่งเงียบแค่มองหน้ากาฟิวส์แล้วหลับตาลงพลางยิ้มเล็กน้อยก่อนที่ผมจะหันหน้ากลับมานั่งคุยกับเพื่อนที่ไม่รู้ว่าเรียกเพื่อนได้ไหม แต่ผมจะยอมเรียกเพื่อนร่วมชั้นเรียนแทนละกัน กลุ่มของผมมีกันห้าคน และยังเป็นกลุ่มที่ถูกทอดทิ้งจากทุกคนในห้องอีกต่างหาก ถ้าจะพูดง่ายๆเลยก็คือพวกส่วนเกิน แต่ผมไม่สนใจเรื่องพวกนั้นอยู่ เพราะผมอยู่คนเดียวมาตลอด 9 ปีแล้ว ดังนั้นผมจึงไม่แคร์สายตาของใครทั้งนั้นว่าจะมองผมหรือเพื่อนร่วมชั้นเรียนสี่คนนี้เป็นแค่ส่วนเกิน
ผมคิดว่าผมควรบอกพวกคุณแค่นี้พอแล้ว แต่ผมอยากให้พวกคุณมองตัวผมในอีกด้านหนึ่งบ้าง ด้านที่อ่อนโยนของตัวผมเอง ถึงแม้ว่าการกระทำที่แสดงออกมาจะดูดุดันก็ตาม แต่เพื่อความสำเร็จของส่วนเกินอย่างพวก ผมพยายามผลักดันตัวเองและอีกสี่คนให้ก้าวไปข้างหน้าและยืนหยัดด้วยตัวเอง ส่วนผมน่ะหรอ... ผมเริ่มยืนหยัดด้วยตัวเองมาตั้งแต่ 9 ปีที่แล้ว ดังนั้นแล้วผมจึงนำหน้าพวกนี้ไปหลายก้่วแล้วล่ะ
วันสุดท้ายก่อนจบมอ 6 ผมได้กล่าวถึงความฝันและความหวังกำลังใจให้กับพวกนั้น ก่อนที่ผมจะเดินหายไปจากตรงนั้น ถึงตัวผมจะหายไปแต่แชทกลุ่มที่มีพวกเราอยู่ก็ยังคงอยู่ไม่หายไปไหน ความผูกพันธ์จากการเป็นส่วนเกินนั้นมันทำให้ผมสามารถเรียกสี่คนนี้ได้ว่าเป็น
" เพื่อน "
ถึงผมจะทำเป็นหรูหราจนดูเท่ แต่ในสายตาพวกนั้นคงคิดว่าผมสมเพชอยู่ดีนั่นแหละ แถมยังเพ้อเจ้อพูดจาบ้าบออะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย ถ้าเรื่องนั้นผมไม่ผิด แต่พวกนั้นผิดเองต่างหาก ที่เกิดมาแล้วไม่เข้าใจถึงจิตใจของคนอื่นได้ ดังนั้นแล้วผมที่อยู่ในส่วนของพวกที่ไม่มีคนทั่วไปจะเข้าใจได้ในสิ่งตนเองต้องการจะสื่อมันออกไป ดังนั้นแล้วผมจึงต้องการคนที่สามารถคุยอย่างปกติกับผมได้ ซึ่งผมได้พบกับคนคนนั้นที่มหาลัย เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเช่นเดียวกัน เธอเป็นคนแรกที่สามารถเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดออกมา ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจทั้งหมดแต่เธอเป็นคนเดียวและคนแรกที่ผมรู้สึกดีที่ได้คุย แต่แล้วพวกเราต้องถูกจับแยกเพราะความกดดันและลมปากที่พวกมนุษย์หน้าโง่เหล่านั้นพูดออกมา มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดจนต้องทิ้งระยะห่างและปลีกตัวออกห่างจากเธอไปทันที และกลับมาอยู่ตัวคนเดียวอีกครั้งหนึ่ง
ชีวิตของผมมันไม่ได้สวยงามอะไรหรอก ใช่เพราะผมมันคือมนุษย์เพียงไม่กี่คนที่แตกต่างออกไปจากพวกมนุษย์ธรรมดา เพราะความแตกต่างที่สร้างความขัดแย้งและความน่ารังเกียจของทางสังคมออกมาได้เห็นอย่างชัดเจน แต่มีเพียงสิ่งหนึ่งที่มีเหมือนกันคือความรัก ควากรู้สึกที่แอบชอบใครสักคน แต่มันก็เป็นไปได้ยากที่จะสื่อความรักนั้นออกไปให้เขาได้รับรู้ เพราะความแตกต่างไปสามารถเข้าถึงมนุษย์ธรรมดาได้ แต่เพราะความน่ารักของเธอที่ผมยอมให้กับเธอ และนิสัยที่ชวนหลงใหลของเธอ มันทำให้ผมมีความกล้าที่จะสื่อความรักไปให้ด้วยวิธีของมนุษย์ที่แตกต่าง ต่อให้เธอจะมีคนอื่นแต่ผมก็ขอแอบชอบไปชั่วดิรันด์ เพราะเธอคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้ว่าการแอบชอบนั้นมันเป็นยังไง และการรักมันเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม แต่สักวันเราคงต้องจากกันอยู่ดี หรือเปล่านะ?
ปัจจุบัน
ผมนั่งอยู่ที่ที่รอรถรางและรอเธอด้วยเช่นกัน
" ฮัลโหลอิงน้ำ ตอนนี้มึงอยู่ไหนอ่ะ "
" อยู่ที่มอเนี่ยแหละ ขอเวลาสัก 5 นาทีนะ "
" อืม เดี๋ยวรอที่ที่รอรถรางหน้ามอนะ "
" อือ โอเคเลย "
ผมวางสายเธอและนั่งรอเธออยู่ที่รอรถราง และสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับเธอนั้นคือคำพูดของเธอแต่ละคำนั้นมันมักจะต้องต่อยอดต่อไปอีกเท่าตัว เมื่อเวลาผ่านไปเธอขับมอเตอร์ไซค์มาหาผมที่นั่งรออยู่
" 5 นาทีของมึงเนี่ยกูไม่อยากจะเชื่อเลย "
" เอาน่า อย่างน้อยกูก็มาแล้วนะ "
" อืม "
ผมลุกและเดินไปจับที่แฮนด์มอเตอร์ไซด์เพื่อให้เธอนั้นขยับถอยไปด้านหลัง ส่วนผมก็มาเป็นคนขับให้เธอแทน ถ้าจะให้อธิบายความรู้สึกตอนนั้นก็รับรู้ได้เลยว่าหัวใจที่อยู่ข้างในเต้นแรง แต่ความรู้สึกภายนอกกลับถูกความรู้สึกภายในกัดกร่อนเล็กน้อย ผมแอบมองหน้าเธอผ่านกระจกข้างก่อนที่จะออกรถไปยังหอพักของเธอ
เมื่อถึงหอพักผมจึงยกกล่องมาแล้วยื่นมันให้กับเธอพร้อมด้วยรอยยิ้มที่สร้างขึ้นปะปนกับจากใจจริง
" มึงแบกเอาไว้ละกัน ส่วนกูจะขับเอง "
" เออ ไปถึงหอในเลยก็ได้นะ "
" ไม่ต้องบอกก็รู้น่า กูน่ะขับไปถึงนั่นอยู่แล้วล่ะ "
" มึงก็เนอะ "
ระหว่างทางที่ขับมอเตอร์ไซค์ผ่านทางถนนเส้นหลักที่นับว่าเป็นสถานที่ที่โรแมนติกเลยก็ว่าได้ มันคืออุโมงค์ของต้นไม้ขนาดใหญ่ ร่มเงาที่ปกคลุมไปทั่ว แสงแดดอ่อนที่ทะลุผ่านออกมาจากช่องหว่างระหว่างของใบไม้สวยงาม ผมจึงผ่อนเกียร์ลงและขับช้าๆ ผมหวังว่าสิ่งที่ผมทำนี้จะทำให้เธอรู้สึกดี ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าผมทำเพราะชอบเธอก็ตาม แต่ขอแค่ผมได้ทำในสิ่งที่อยากทำก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นนั่นที่ขึ้นอยู่กับเธอก็ปล่อยมันไป เพราะผมเองก็รู้ดีว่าการที่จะคบกับใครสักคนนั้นมันเป็นเรื่องยาก เพราะงั้นแล้วผมรู้ตัวเองดี ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกมาสอนหรอก
แต่แล้วเมื่ออุโมงค์แห่งความโรแมนติกหมดไป ผมจึงเร่งเครื่องขึ้นทันที และมุ่งตรงกลับไปที่หอใน
" ถึงแล้ว "
ผมลงจากมอเตอร์ไซค์และคว้ากล่องจากมือเธอมา พร้อมกับเงยหน้ามองตาเธอ
" ขอบใจนะ เดี๋ยวตอบแทนวันหลังละกัน "
" พูดแล้วนะ ห้ามลืมสัญญาล่ะ "
" อืม งั้นกูขอตัวก่อนล่ะ กลับดีๆนะ "
" อือ "
หลังจากนั้นผมจึงหันกลับหลังและเดินแยกทางจากเธอทันที ' ทางใครทางมันแล้วล่ะนะ '
' ส่วนเรื่องสัญญากูไม่มีวันลืมหรอก ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้นแหละ '
ผลงานอื่นๆ ของ Niseru ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Niseru
ความคิดเห็น